สยามพิวรรธน์ ประกาศกลยุทธ์เพื่อยึดตำแหน่ง ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย พร้อมรุดหน้าสร้างโครงการใหม่ๆ เพิ่มไลน์ธุรกิจใน 5 ปี ด้วยแผนลงทุนมูลค่าโครงการรวมกว่า 55,000 ล้านบาท

ข่าวบริษัท - 13 ตุลาคม 2557


วันนี้ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ฯลฯ และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ 'ไอคอนสยาม' อภิมหาโครงการเมือง สัญลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย ประกาศนโยบาย และแผนการลงทุน 5 ปี เสริมความแข็งแกร่งของสยามพิวรรธน์ในฐานะ 'ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย' ของวงการผู้พัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยแผนการลงทุนซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 55,000 ล้านบาท

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า "วงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ในช่วงของการเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีการประกาศลงทุนโครงการใหม่จากหลายๆ บริษัทคิดเป็นมูลค่ามหาศาล อย่างไรก็ดี สำหรับสยามพิวรรธน์เรามีจุดยืนที่มั่นคงและแข็งแกร่ง ด้วยกลยุทธ์หลัก คือการเป็น 'ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย' ที่เราใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจของเราจนประสบความสำเร็จมาตั้งแต่เปิดบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นนำเสนอคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ในการพัฒนาโครงการต่างๆ การค้าปลีกชนิดใหม่ๆ และคอนเซ็ปต์ ไลฟ์สไตล์ล้ำยุคหลายประเภท ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย หรือเป็นครั้งแรกในโลก ซึ่งได้นำพาธุรกิจไปสู่การเติบโตครองความเป็นผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกแนวหน้าของประเทศไทยในทุกยุคทุกสมัย ในวันนี้ เราได้วางแผนกลยุทธ์ 5 ปีที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการลงทุนในอนาคต เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของสยามพิวรรธน์ในฐานะ 'ผู้นำนวัตกรรมค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย'

"ภายใต้แผนกลยุทธ์ดังกล่าว สยามพิวรรธน์มีเป้าหมายที่จะให้ความสำคัญกับการเป็นผู้นำเสนอประสบการณ์ที่เหนือกว่า ล้ำกว่าแก่ผู้มาใช้บริการในโครงการของเรา โดยที่ไม่ยึดติดกับรูปแบบการพัฒนาโครงการเดิมๆ ซึ่งถึงแม้ว่าจะประสบความสำเร็จอย่างมากมาย แต่เราก็มีความมั่นใจว่าเราจะนำเสนอสิ่งที่แปลกใหม่กว่าให้เกิดขึ้นได้อยู่เสมอ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้สยามพิวรรธน์จะต้องทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ร่วมลงทุนต่อไป"

ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งการนำเสนอความแปลกใหม่ให้ชีวิต" (The Icon of Innovative Lifestyle) พร้อมเปิดตัวโลโก้ใหม่ของบริษัท

"ปัจจัยสำคัญในการชี้วัดความสำเร็จของแต่ละโครงการ ไม่ใช่เพียงแค่การคิดคอนเซปต์ที่แปลกใหม่แล้วสร้างให้สำเร็จเท่านั้น แต่อยู่ที่การบริหารโครงการนั้นๆ ให้สามารถนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่าง และล้ำสมัย ให้แก่ลูกค้าที่มาเยี่ยมชมได้ตลอดเวลาอย่างไม่หยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ในการช้อปปิ้ง สินค้าที่แปลกใหม่หมุนเวียนกันมาจากทุกมุมโลก นวัตกรรมการสื่อสารในรูปแบบล้ำสมัยกับลูกค้า บริการเหนือระดับที่สร้างความประทับใจ ตลอดจนกิจกรรมการตลาดที่น่าตื่นตาตื่นใจ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในประเทศไทย หรือเป็นปรากฎการณ์ระดับโลก ที่จะมอบให้แก่ลูกค้าครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไม่มีที่สิ้นสุด"

"ทุกโครงการของสยามพิวรรธน์ ไม่ว่าจะเป็นสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และอื่นๆในปัจจุบันล้วนแล้วแต่เป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนในศักยภาพความเป็นผู้นำในการเสนอความแปลกใหม่ให้แก่สังคมไทย และแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมได้อย่างต่อเนื่อง ประสบความสำเร็จด้านการค้าอย่างยิ่งยวดมาโดยตลอด ได้รับรางวัลต่างๆมากมายจากองค์กรระดับโลก และได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถานที่ๆสร้างความประทับใจอย่างไม่รู้จบให้แก่คนทั้งโลกต่อเนื่องกันมาแล้วหลายครั้งจนถึงทุกวันนี้"



วันนี้ สยามพิวรรธน์ จึงจะใช้จุดยืนที่แข็งแกร่งและแตกต่างนี้ เป็นปัจจัยสำคัญในการวางแผนการลงทุนในอนาคต 5 ปี ข้างหน้า ดังนี้:

1. เน้นกลยุทธ์ "สร้างประสบการณ์แตกต่างที่ตรงใจ" กับธุรกิจหลัก (Core Business) ทุกโครงการ สยามพิวรรธน์มุ่งสร้างความพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้ายุคโลกาภิวัฒน์ซึ่งมีความรอบรู้ถึงเทรนด์ต่างๆรอบโลก และมีความคาดหวังสูงยิ่งขึ้น สยามพิวรรธน์จึงเน้นการค้นคว้าหาสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นในโครงการอยู่เสมอ โดยทำการศึกษาเทรนด์ ของโลกในเรื่องของการออกแบบอาคาร การจัดพื้นที่พิเศษในรูปแบบต่างๆให้เกิดขึ้น นวัตกรรมการสื่อสาร สินค้าและบริการกิจกรรมการตลาดที่แปลกใหม่ รวมถึงมีหน่วยงานเฉพาะที่ สำรวจความต้องการของลูกค้าในเชิงลึกอย่างจริงจัง ผนวกกับการแลกเปลี่ยนความรู้และประโยชน์ทางธุรกิจผ่าน networking กับพันธมิตรในประเทศต่างๆ แล้วนำมาประมวลทำแผนกลยุทธ์ประจำปีเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ และเร้าใจให้เกิดขึ้นในทุกๆโครงการที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับว่าเป็นการทำงานที่แข่งกับเทรนด์ของโลกอยู่ตลอดเวลา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างเหนือความคาดหมาย นอกจากนี้สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะปรับปรุงโฉม สยามพารากอน และสยามดิสคัฟเวอรี่ในปีนี้ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าทั้งสองโครงการจะสร้างการปฏิวัติวงการศูนย์การค้าอย่างยิ่งใหญ่ ไม่แพ้ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งปรับปรุงสยามเซ็นเตอร์ในปี 2556 ที่ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก จนได้รับรางวัลหลายรางวัลจากองค์กรระดับโลกมาแล้ว สำหรับโครงการ ไอคอนสยาม (ICONSIAM) เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สะท้อนให้เห็นแนวคิดที่ล้ำยุคและแตกต่างของสยามพิวรรธน์ ซึ่งร่วมลงทุนกับแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยจะสร้างสัญลักษณ์ใหม่ให้ประเทศไทย พร้อมประสบการณ์แรกของ 7 สิ่งมหัศจรรย์ระดับโลกที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประเทศไทย จึงนับว่าเป็นโครงการที่สะท้อนจุดยืนที่แข็งแกร่งของบริษัทอย่างชัดเจนที่สุด นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ยังมีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างการศึกษาพัฒนาอีก 7-8 โครงการ ในทำเลอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกกรุงเทพมหานคร รวมถึงในต่างประเทศ ซึ่งจะมีรายละเอียดเป็นรูปธรรมในปี 2558

2. สยามพิวรรธน์จะเน้นการนำเสนอความคิดใหม่ๆเพื่อต่อยอดความสำเร็จให้แก่ ผู้ประกอบการร้านค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ และเพื่อร่วมกันสร้างประสบการณ์ที่ตื่นเต้นล้ำยุคอยู่เสมอ จากความสำเร็จที่สยามพิวรรธน์ได้นำแนวความคิดรีแบรนด์ดิ้ง (rebranding) ธุรกิจของร้านค้าไปพร้อมๆกับการปรับปรุงครั้งใหญ่ของสยามเซ็นเตอร์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดทั้งในตัวศูนย์การค้าเองและในทุกๆร้านค้าที่ร่วมแรงร่วมใจกันนำเสนอเอกลักษณ์ใหม่ของแต่ละแบรนด์เฉพาะที่สยามเซ็นเตอร์เท่านั้น สยามพิวรรธน์จึงจะเดินหน้าต่อยอดการสร้างคอนเซปต์ใหม่ๆที่ท้าทายให้ผู้ประกอบการร้านค้าร่วมกันสร้างภาพลักษณ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำเดิม และนำเสนอสินค้าใหม่ๆที่มีรูปแบบเฉพาะให้เกิดขึ้นอีกในโครงการใหม่ๆของสยามพิวรรธน์ ความเชี่ยวชาญในเรื่องการทำรีแบรนด์ดิ้ง ของสยามพิวรรธน์ คือปัจจัยสำคัญที่จุดประกายแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการร้านค้ารวมพลังกันนำเสนอประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ รวมไปถึงกิจกรรมทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสยามพิวรรธน์เป็นผู้นำในเรื่องการสร้างงานที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำแบบใครร่วมกับบรรดาร้านค้า และพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ และใช้นวัตกรรมกับเทคโนโลยีมาผสมผสานจนเกิดเป็นงานที่ดึงดูดคนมหาศาลให้มาร่วมชม อย่างต่อเนื่องอีกด้วย หนึ่งตัวอย่างของการสร้างเอกลักษณ์ให้เกิดขึ้นในโครงการของสยามพิวรรธน์ จะสามารถเห็นได้ในการทำโครงการไอคอนสยาม ที่
สยามพิวรรธน์จะใช้คอนเซปต์ใหม่ "Icons within Icon" ร่วมกับแบรนด์ดังระดับโลกและผู้ประกอบการอีกกว่า 500 ราย

3. การลงทุนเองในธุรกิจรูปแบบใหม่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย เพื่อนำเสนอประสบการณ์ระดับโลก โดยมีแผนที่จะดำเนินธุรกิจค้าปลีกรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งแผนลงทุนคิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท คือ ธุรกิจ Specialty Store 3 ถึง 4 แบรนด์ ซึ่งจะเป็น ทั้งแบรนด์แฟรนไชส์จากต่างประเทศ หรือเป็นรูปแบบที่สยามพิวรรธน์สร้างขึ้นเอง นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนนำแฟรนไชส์ภัตตาคารชื่อดังจากต่างประเทศ 2-3 ราย เข้ามาเพื่อตอบสนองลูกค้าระดับบน และนักท่องเที่ยว การลงทุนในธุรกิจใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในโครงการต่างๆของสยามพิวรรธน์ โดยธุรกิจที่จะลงทุนจะนำความตื่นเต้นมาสู่วงการอย่างมาก ซึ่งจะสามารถสรุปเป็นรูปธรรมได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ด้านธุรกิจค้าปลีกที่สยามพิวรรธน์ทำอยู่แล้ว คือร้าน Loft แฟรนไชส์ specialty store จากประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดได้รับการต่อสัญญาและจะขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 3 แห่งใน 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ร้าน The Wonder Room, The Selected ที่เปิดในสยามเซ็นเตอร์และประสบความสำเร็จมากในการนำเสนอสินค้าแฟชั่นและของแต่งบ้านโดยดีไซเนอร์ไทยหน้าใหม่ไฟแรง ก็มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มเติมในประเทศและได้รับเชิญให้ไปเปิดสาขาในต่างประเทศอีกด้วย

4. สยามพิวรรธน์ พร้อมจับมือกับพันธมิตรระดับโลก เพื่อร่วมลงทุนทำธุรกิจประเภทต่างๆที่แปลกใหม่ให้เกิดขึ้น โดยใน 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากบริษัทและองค์กรชั้นนำจากต่างประเทศหลายราย เพื่อร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ทั้งโครงการที่เกี่ยวกับความบันเทิงระดับโลก ศิลปวัฒนธรรม และธุรกิจค้าปลีกหลายๆประเภท โดยสยามพิวรรธน์ มีความตั้งใจที่จะร่วมลงทุนด้วย ซึ่งแผนการลงทุนมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นโดยประมาณ 10,000 ล้านบาท และจะทยอยเกิดขึ้นใน 3-5 ปีข้างหน้า

5. สยามพิวรรธน์ พร้อมรับการเปิดประตูสู่อาเซียน อย่างเต็มที่ โดยปรับองค์กรและบริษัทในเครือทั้งสิ้น 15 บริษัทฯ ให้มีศักยภาพแข็งแกร่งด้วยนโยบายด้านบริหารจัดการบุคลากร ผ่านการเสริมทัพผู้บริหารระดับสูง เป็นผู้นำองค์กร โดยจะเชิญผู้มีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ มาร่วมเป็นผู้นำองค์กร และเพิ่มตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่เพื่อบริหารจัดการหน่วยงานสนับสนุนโดยเฉพาะให้ขับเคลื่อนตอบรับกับการขยายตัวทางธุรกิจของสยามพิวรรธน์อย่างเต็มที่

สยามพิวรรธน์มีเกียรติประวัติและความสำเร็จอันยาวนานในการเป็นผู้นำเสนอคอนเซ็ปต์ใหม่ที่สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ผู้บริโภค และประสบความสำเร็จอย่างสูงในเชิงพาณิชย์และการนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทยมาโดยตลอดสยามพิวรรธน์เป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่สร้างสรรค์คอนเซ็ปต์ศูนย์การค้ามาตรฐานสากลแห่งแรกในประเทศไทย ด้วยการเปิดให้บริการสยามเซ็นเตอร์ มาตลอด40ปีที่ผ่านมานอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ยังเป็นบริษัทแรกที่สร้างโรงแรม International chainระดับห้าดาวในประเทศไทย นั่นคือ โรงแรมสยามอินเตอร์ คอนติเนนตัล อีกทั้งสร้างมิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์ (mixed use complex) โครงการแรกในกรุงเทพคืออาคาร
สยามดิสคัฟเวอรี่และสยามทาวเวอร์ หลังจากนั้นได้สร้างสรรค์ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ของศูนย์การค้าแหล่งบันเทิง และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม หนึ่งในตำนานระดับโลก ที่เป็นจุดหมายปลายทางที่พลาดไม่ได้ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถานที่ที่มีคนถ่ายและแชร์ภาพผ่านอินสตาแกรม (instagram)มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ในขณะที่ร้านค้าแบรนด์ดังระดับโลกและแบรนด์สัญชาติไทยหลายแบรนด์ที่ตั้งอยู่ที่สยามเซ็นเตอร์และสยามพารากอน ที่ทำสถิติเป็นสาขาที่ทำยอดขายต่อร้านได้สูงที่สุดอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับสาขาอื่นๆ ของแบรนด์เหล่านั้น ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชีย