สยามพิวรรธน์ มุ่งนำเสนอประสบการณ์แตกต่างที่ตรงใจ จับมือค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก "ผุดแคมเปญ Global Privilege Partnership" ข้ามชาติครั้งแรกของวงการค้าปลีกไทย

ข่าวแบรนด์ - 15 ตุลาคม 2557


บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และพาราไดซ์ พาร์ค จับมือ 5 พันธมิตรค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในประเทศท่องเที่ยวระดับโลกได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ลอตเต้ ประเทศเกาหลีใต้, ฮ่องกง ไทมสแควร์ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน, ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน ประเทศสิงคโปร์, ห้างสรรพสินค้า ซัปโปโรปาร์คโก้ ประเทศญี่ปุ่น และ ห้างสรรพสินค้า แกเลอรี ลาฟาแยต ประเทศฝรั่งเศส ต้อนรับฤดูกาลแห่งการเฉลิมฉลองด้วยแคมเปญยิ่งใหญ่ระหว่างประเทศภายใต้ชื่อแคมเปญ Global Privilege Partnership ด้วยสุดยอดแห่งประสบการณ์การช้อปปิ้งและสิทธิประโยชน์ที่เหนือระดับ สำหรับนักช้อปชาวไทยและชาวต่างประเทศ นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการค้าปลีกไทย และตอกย้ำความเป็นผู้นำในการสร้างประสบการณ์แตกต่างที่ตรงใจให้กับผู้บริโภค

นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยกลยุทธ์หลักของสยามพิวรรธน์คือการเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ ล้ำสมัย ของวงการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นนำเสนอคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ในการพัฒนาโครงการต่างๆ การค้าปลีกชนิดใหม่ๆ และคอนเซ็ปต์ไลฟสไตล์ล้ำยุคหลายประเภท ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทยหรือเป็นครั้งแรกในโลก ดังนั้นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และ พาราไดซ์ พาร์ค จึงมุ่งมั่นที่สร้างกิจกรรมการตลาดที่น่าตื่นตาตื่นใจ เป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในประเทศไทยหรือเป็นประสบการณ์ระดับโลก ตลอดจนการมอบบริการเหนือระดับและสร้างความประทับใจด้วยประสบการณ์แตกต่างที่ตรงใจให้แก่ผู้มาใช้บริการทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเยี่ยมเยือนใช้บริการภายในศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันบริษัทฯ ได้จัดทำบัตรสมาชิก เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการ 2 บัตรสมาชิก ได้แก่ Platinum M Card (แพลตตินั่ม เอ็ม การ์ด) และบัตร VIZ Card (วิซ การ์ด) โดย บัตร Platinum M Card (แพลตตินั่ม เอ็ม การ์ด) สำหรับมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการของศูนย์การค้าสยามพารากอน และบัตร VIZ Card (วิซ การ์ค) สำหรับมอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการของสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และพาราไดซ์ พาร์ค โดยปัจจับันมีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 120,000 (Platinum M Card 20,000 VIZ Card 100,000)ท่าน และเพื่อขยายฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นโดยเจาะกลุ่มนักช้อปที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวด้วยแคมเปญ Global Privilege Partnership ที่จะเป็นเสมือนเพื่อนเดินทางร่วมเดินทางกับท่านสมาชิกทั่วโลก

ครั้งแรกกับแคมเปญ Global Privilege Partnership ข้ามชาติของวงการค้าปลีกไทยครั้งแรกกับการผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรที่เราได้คัดสรรผู้นำในตลาดรีเทลของแต่ละประเทศท่องเที่ยวยอดนิยม ร่วมกันนำเสนอประสบการณ์ช้อปปิ้งสู่เวทีโลกที่เหนือระดับผ่านแคมเปญระดับประเทศ ภายใต้ชื่อแคมเปญ Global Privilege Partnership โดยจับมือ 5 พันธมิตรค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ลอตเต้ ประเทศเกาหลีใต้, ฮ่องกง ไทมสแควร์ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน, ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน ประเทศสิงคโปร์, ห้างสรรพสินค้า ซัปโปโรปาร์คโก้ ประเทศญี่ปุ่น และ ห้างสรรพสินค้า แกเลอรี ลาฟาแยต ประเทศฝรั่งเศส ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ระดับพรีเมี่ยมให้กับสมาชิกของบัตร Platinum M Card (แพลตตินั่ม เอ็ม การ์ด) และบัตร VIZ Card (วิซ การ์ด) พร้อมทั้งสมาชิกผู้ถือบัตรของพันธมิตรค้าปลีกทั้ง 5 ราย จะได้รับสิทธิประโยชน์และการดูแลอย่างพิเศษแบบ VIP อย่างที่ท่านได้รับการดูแลในประเทศของท่าน ซึ่งปัจจุบันมีฐานสมาชิกรวมกันทั้ง 5 รายจำนวนกว่า 2 ล้านคนทั่วโลก

คุณมยุรี กล่าวว่า "ทั้งนี้สยามพิวรรธน์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำในการจัดแคมเปญนี้พร้อมทั้งได้รับการไว้วางใจจากพันธมิตรที่ได้เลือกเราเป็น Exclusive Partner และเป็นตัวแทนในการนำเสนอการบริการและทำ CRM แบบไม่มีพรมแดนจากประเทศไทยเพื่อให้ลูกค้าผู้ถือบัตรได้สิทธิประโยชน์สูงสุด โดยเรามองเห็นการร่วมมือแบบ Partnership และ Collaboration เพื่อพัฒนาและสร้างกลไกการกระตุ้นยอดใช้จ่ายจากต่างประเทศสู่ไทยให้มากยิ่งขึ้น ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการในศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์ เป็นลูกค้าในระดับ B ขึ้นไป มีกำลังการซื้อสูง มีไลฟ์สไตล์ที่ชอบการเดินทาง มีการใช้ชีวิตที่ทันสมัย ชื่นชอบนวัตกรรมแบบล้ำสมัย และคาดหวังในบริการเหนือระดับ ซึ่งตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าที่ร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ ดังนั้นแคมเปญนี้จะสามารถดึงดูดนักช้อปสมาชิกผู้ถือบัตรของพันธมิตรค้าปลีกจากประเทศต่างๆ เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในศูนย์การค้าของ
สยามพิวรรธน์ โดยคาดการว่าจะมีจำนวนลูกค้าเข้าร่วมแคมเปญนี้ทั้งสิ้นประมาณ 400,000 คนต่อปี คิดเป็นเงินสะพัดจำนวนรวม 6,000 ล้านบาทต่อปี"

สำหรับสิทธิพิเศษเหนือระดับแบบ เอ็กซ์คลูซีพ สำหรับสมาชิก บัตร Platinum M Card (แพลตตินั่ม เอ็ม การ์ด) และบัตร VIZ Card (วิซ การ์ด) สองบัตรในประเทศไทยที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีเมื่อเดินทางท่องเที่ยวยังประเทศยอดนิยมทั้ง 5 อีกด้วย

โดยสิทธิประโยชน์ที่สมาชิกบัตร Platinum M Card และ VIZ card (black และ Titanium) พร้อมทั้งสมาชิก ผู้ถือบัตรของพันธมิตรค้าปลีกทั้ง 5 รายที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้รับคือ ส่วนลดตั้งแต่ 5% - 50% จากร้านค้ากว่า 2,000 ร้านค้าในประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก พร้อมบริการที่สุดพิเศษซึ่งอำนวยความสะดวกสบายสูงสุด ได้แก่บริการผู้ช่วยส่วนบุคคลที่จะคอยแนะนำบริการต่างๆ ภายในศูนย์การค้า เวลคัมกิ๊ฟสุดเอ็กซ์คูลซีฟมูลค่ากว่า 3,000 บาท และที่ขาดไม่ได้คือการใช้บริการ Exclusive Lounge พรั่งพร้อมด้วยเครื่องดื่มเพื่อผ่อนคลายขณะช้อปปิ้ง โดยแคมเปญนี้จะเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และคาดว่าจะขยายการให้บริการที่เหนือระดับเช่นนี้ไปยังประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้นอีก 5 ประเทศ ภายในปี 2558



และในฐานะเจ้าของสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ ที่เป็นจุดหมายการเดินทางท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก บริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เกิดความประทับใจเมื่อมาใช้บริการด้วยสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ การจัดทำเวปไซต์สำหรับบริการนักท่องเที่ยวจากชาติต่างๆ ถึง 6 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษารัสเซีย ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี และภาษาไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับนักท่องเที่ยว และยังร่วมเป็นพันธมิตรกับโรงแรมชั้นนำกว่า 60 โรงแรมทั่วประเทศในการมอบส่วนลดสุดพิเศษ อาทิ รับส่วนลดจากการใช้บริการ สปาสูงสุดถึง 50% เป็นต้น

"สำหรับแคมเปญ Global Privilege Partnership นี้เป็นการจับมือกับพันธมิตรระดับประเทศชั้นนำที่มากที่สุด ซึ่งไม่เพียงแต่จะสามารถเพิ่มจำนวนทราฟิคของนักท่องเที่ยวที่มายังศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่เท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดการเพิ่มความคุ้มค่าในด้านสิทธิประโยชน์แก่สมาชิกบัตร Platinum M card และ VIZ Card อีกด้วย และแคมเปญนี้ยังเป็นการสร้างปรากฏการณ์ในการขับเคลื่อนให้วงการธุรกิจค้าปลีกของประเทศให้เกิดการตื่นตัว พร้อมทั้งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยสร้างการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับประเทศไทยอีกด้วย" นางมยุรี กล่าวเพิ่มเติม