สยามพิวรรธน์ ก้าวอย่างเหนือชั้น ตอกย้ำการเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย เปิดตัว "สยามพิวรรธน์ อคาเดมี" สถาบันการเรียนรู้ด้านการบริหารอาคาร ศูนย์การค้า โครงการ สถานที่สาธารณะ ครบวงจรแห่งแรกในประเทศ

ข่าวบริษัท - 07 ตุลาคม 2558


บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้นำนวัตกรรมค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย เปิดตัว "สยามพิวรรธน์ อคาเดมี" (Siam Piwat Academy) สถาบันการเรียนรู้และการบริหารจัดการ ที่นำองค์ความรู้ในการบริหารศูนย์การค้าและการค้าปลีก มาถ่ายทอดให้กับสังคมผ่านทีมผู้บริหารระดับสูงของสยามพิวรรธน์ที่มากด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขา พร้อมทั้งผนึกกำลังสองสถาบันชั้นนำของประเทศไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดหลักสูตรเฉพาะด้านการบริหารจัดการอาคาร โครงการ สถานที่สาธารณะเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

นางชนิสา ชุติภัทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัดกล่าวว่า "จากความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจด้านศูนย์การค้าและการค้าปลีกมากว่า 56 ปี วันนี้ สยามพิวรรธน์ จึงได้ก่อตั้ง สยามพิวรรธน์ อคาเดมี สถาบันการเรียนรู้ชั้นนำด้านการบริหารศูนย์การค้าและการค้าปลีกแห่งแรกในประเทศไทย บนวิสัยทัศน์ของความมุ่งมั่นที่จะแบ่งปันองค์ความรู้ และประสบการณ์ของ
สยามพิวรรธน์ให้แก่บุคลากรในธุรกิจค้าปลีก โดยมีผู้บริหารระดับสูงของสยามพิวรรธน์ที่คร่ำหวอดในวงการค้าปลีกมายาวนานเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์ทำงานจริงในธุรกิจ ซึ่งการเปิด สยามพิวรรธน์ อคาเดมี ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะตอกย้ำกลยุทธ์หลักของเราในฐานะผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย ทั้งยังเป็นการชูให้เห็นถึงศักยภาพและประสบการณ์ของเหล่าผู้บริหารระดับสูงที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จ โดยเป้าหมายสำคัญของการเปิด สยามพิวรรธน์ อคาเดมี ยังคงเป็นความต้องการที่จะตอบแทนคืนสู่สังคม และสร้างมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย โดยเราคาดหวังว่าการนำความรู้และความเชี่ยวชาญในธุรกิจมาถ่ายทอดสู่สังคมจะเป็นการช่วยส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในธุรกิจค้าปลีก ทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของคนไทยให้พร้อมแข่งขันบนเวทีโลก ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนของการบริหารจัดการระบบค้าปลีก"

ด้าน ศาสตราภิชาน วิชา หาญอมรรุ่งเรือง ที่ปรึกษาบริษัทฯ และหัวหน้าโครงการ สยามพิวรรธน์ อคาเดมี เผยว่า "สยามพิวรรธน์ อคาเดมี ได้ก่อตั้งขึ้นบนความมุ่งมั่นของสยามพิวรรธน์ที่ต้องการจะแบ่งปันองค์ความรู้อันเป็นเลิศจากประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 56 ปี กับการพัฒนาโครงการระดับโลกจนมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งที่ผ่านมา ผู้บริหารและทีมงานของเราได้รับเชิญไปบรรยายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้คนในแวดวงธุรกิจอยู่บ่อยครั้ง เรามองเห็นว่าการขยายตัวของธุรกิจจะทำให้เกิดความต้องการทรัพยากรบุคคลในด้านนี้ที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นในปี 2558 นี้ เราจึงตัดสินใจเปิดหลักสูตรด้านการบริหารจัดการศูนย์การค้า (Shopping Mall Facility Management) และการบริหารจัดการอาคาร โครงการ สถานที่สาธารณะ (Public Assembly Facility Management) อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ร่วมกับสองสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับประเทศ ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยจะเป็นการผสมผสานความรู้เชิงทฤษฎีโดยเหล่าคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละสถาบัน และการถ่ายทอดประสบการณ์และแนวทางปฏิบัติจริงที่เกิดขึ้นในธุรกิจผ่านผู้บริหารระดับสูงของสยามพิวรรธน์ รวมทั้งยังเปิดโอกาสในการเข้าศึกษางานภายในบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งในอีก 3 ปีข้างหน้า เรามีแผนการที่จะยกระดับการศึกษาสายอาชีพนี้ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการบริหารธุรกิจศูนย์การค้าและการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน พร้อมจับมือร่วมกับสถาบันชั้นนำระดับโลกและพันธมิตรระดับโลกของเราในการพัฒนาหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมทุกแง่มุมของการบริหารศูนย์การค้าและการค้าปลีกมากขึ้น"

ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์ อคาเดมี ได้เปิดหลักสูตรอบรมสำหรับผู้บริหาร ระยะสั้น 3 เดือน ด้านการบริหารจัดการอาคารศูนย์การค้า (Shopping Mall Facility Management) ร่วมกับ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้เริ่มการเรียนการสอนหลักสูตรแรกแล้ว เมื่อ 15 สิงหาคม – 10 ตุลาคม 2558 และต่อด้วยหลักสูตรการบริหารจัดการอาคารโครงการ สถานที่สาธารณะ (Public Assembly Facility Management) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจะเริ่มเปิดการเรียนการสอนในเดือนพฤศจิกายน 2558 ถึงกุมภาพันธ์ 2559 นี้ โดยทั้งสองหลักสูตรเริ่มแรกนี้ คาดว่าจะมีผู้ผ่านการอบรม จำนวน 100 คน และคาดว่าในระยะเวลา 5 ปี จะสามารถฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้ทั้งด้านการบริหารจัดการศูนย์การค้า และการบริหารจัดการ อาคารโครงการ สถานที่สาธารณะ จำนวน 500 คน ซึ่งจะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ และมีศักยภาพพร้อมที่จะพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป และในอนาคตยังพร้อมเปิดรับผู้สนใจเข้าฝึกอบรมจากนานาประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้อย่างครบวงจร

ในการนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรภัทร์ อิงคโรจน์ฤทธิ์ รองคณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงความสำคัญของการส่งเสริมการศึกษาในด้านการบริหารจัดการศูนย์การค้าว่า "ทางจุฬาลงกรณามหาวิทยาลัย เล็งเห็นว่าความรู้และความเข้าใจในธุรกิจอย่างลึกซึ้ง จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยทางคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกับ สยามพิวรรธน์ อคาเดมี พัฒนาความรู้ทางวิชาการในด้านโครงการวิจัยทางด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบอุตสาหกรรม สภาพแวดล้อมทางกายภาพ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการออกแบบชุมชนและผังเมือง ตลอดจนการเผยแพร่ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ สังคม และประเทศชาติ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ให้พร้อมแข่งขันบนเวทีโลก"

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ จิตตาภรณ์ ศรีบุญจิตต์ อาจารย์ประจำโครงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า "ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีส่วนร่วมกับ สยามพิวรรธน์ อคาเดมี ในการพัฒนาศักยภาพของบุคคลากร โดยหลักสูตรที่ทางมหาวิทยาลัยร่วมคิดค้นขึ้นสามารถช่วยเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในการออกแบบอาคาร โครงสร้าง สถานที่สาธารณะ การพัฒนา ลงทุน การทำตลาดในเชิงพาณิชยกรรม รวมถึงการบริหารจัดการด้วยระบบขั้นตอนที่เป็นมาตรฐาน เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เนื้อหาในหลักสูตรนอกจากจะได้รับฟังการบรรยายจากคณาจารย์ และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ยังสามารถเข้าชมการดำเนินงานในสถานที่จริง และยังได้ร่วมกิจกรรม Group Project ภายใต้การแนะนำของวิทยากรอีกด้วย"

ปัจจุบันตลาดธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก สยามพิวรรธน์ ในฐานะผู้นำนวัตกรรมในธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจค้าปลีกจนประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ได้สร้างสถาบันการเรียนรู้ สยามพิวรรธน์ อคาเดมีนั้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมมาตรฐานสากลยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการสร้างบุคลากรคุณภาพให้พร้อมรองรับการขยายตัวของตลาดค้าปลีกและเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียนในอนาคตอันใกล้นี้