สยามพิวรรธน์ สร้างโอกาสทางการศึกษาไทยให้เท่าเทียม ผ่านโครงการ Citizen of Love by Siam Piwat ส่งมอบอุปกรณ์การเรียน ร่วมสร้างความสุขให้เยาวชนไทยในถิ่นทุรกันดาร

ข่าวบริษัท - 23 กุมภาพันธ์ 2566



กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพฯ มีนโยบายและความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่จะเอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับคนจำนวนมาก และเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างยาวนานกว่า 64 ปี ในการนี้จึงสานต่อกิจกรรมส่งต่อความรัก ร่วมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านโครงการ “Citizen of Love by Siam Piwat” ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ล่าสุดร่วมกับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และ Loft จัดกิจกรรมภายใต้คอนเซ็ปต์ Gifts for Them : ปลุกพลังการให้ สร้างโอกาสการศึกษาไทยให้เท่าเทียม” เชิญชวนคนไทยมอบของขวัญ ส่งมอบอุปกรณ์การเรียน เครื่องเขียนที่ไม่ได้ใช้งานให้นักเรียนโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารไปเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 - 31 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มพันธมิตร ลูกค้าที่มาใช้บริการตอบรับร่วมนำอุปกรณ์การเรียน ของใช้จำเป็นมาร่วมมอบเป็นของขวัญ ส่งความสุขให้เด็กๆ เป็นอย่างดี

เพื่อให้กิจกรรมดำเนินไปตามวัตถุประสงค์ กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จึงได้นำสิ่งของที่ได้รับจากกิจกรรมภายใต้โครงการ Citizen of Love by Siam Piwat เดินทางไปมอบให้กับนักเรียนในถิ่นทุรกันดารโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่อยู่ในจังหวัดสระแก้วจำนวน 5 โรงเรียน พร้อมเลี้ยงอาหารกลางวัน บริการตัดผมฟรี เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีให้เด็กนักเรียนด้วย และจัดกิจกรรมสันทนาการสร้างความสุขให้กับเหล่าน้องๆ นักเรียน โดยมี “ครูปาน-สมนึก คลังนอก” ศิลปินนักวาดภาพประกอบ มาร่วมสอนศิลปะวาดภาพ ระบายสีให้เด็กนักเรียนเมื่อวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านเขาสารภี อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์ และสื่อสารองค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ด้วยตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างความเท่าเทียมกันของการศึกษาไทย โดยปัจจุบันเด็กนักเรียนในถิ่นทุรกันดารยังมีความขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การเรียนการสอนไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับการมีส่วนร่วมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม สานต่อกิจกรรมการมอบโอกาสทางการศึกษา ส่งมอบความสุขส่งต่อรอยยิ้มให้กับเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลที่อยู่ภายใต้การดูแลของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในครั้งนี้”

ครูปาน-สมนึก คลังนอก กล่าวถึงการส่งเสริมศิลปะให้เด็กในพื้นที่ทุรกันดารว่า “ศิลปะมีความสำคัญ เพราะช่วยทำให้เด็กมีสมาธิ ทำให้เด็กมองโลกในแง่ดี มองเห็นความงามในชีวิต จึงควรส่งเสริมศิลปะตั้งแต่เด็ก ซึ่งพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ทุรกันดาร เด็กๆ ยังไม่สามารถเข้าถึงเรื่องของศิลปะได้มากนัก เราสามารถสอนให้เขาสามารถเข้าถึงศิลปะได้จากธรรมชาติ และสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว เช่นเดียวกับกิจกรรมครั้งนี้ ครูปานสอนให้เด็กๆ เห็นว่า เสื้อผ้าที่สวมใส่ หรือของใช้ในชีวิตประจำวัน ทุกอย่างมีศิลปะอยู่ในนั้น เด็กทุกคนล้วนมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว เพราะเขามีความบริสุทธิ์ทั้งความคิดและจิตใจ แค่เราบอกให้เขาวาดวงกลม ก็สามารถจินตนาการต่อเป็นเรื่องราว เป็นรูปต่างๆ ได้ และการมาสอนให้เขาได้รู้จักศิลปะครั้งนี้อาจเป็นการจุดประกายให้เด็กที่รู้สึกสนุกกับการวาดรูป ชอบวาดรูป อยากไปต่อในสายนี้ ได้เติบโตเป็นศิลปินที่มีฝีมือในอนาคตก็ได้”

ไฮไลท์ในกิจกรรมการส่งมอบความสุข สร้างรอยยิ้มให้เด็กนักเรียนโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารครั้งนี้ เด็กๆ จากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่มาร่วมงานยังได้รับข้อความดีๆ จากขวัญใจวัยรุ่นฟันน้ำนมอย่าง “ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ” และ “เซน-นครินทร์ ขุนภักดี” ศิลปินจากวง Paper Planes ส่งคลิปวีดีโอเซอร์ไพรส์มาทักทายน้องๆ พร้อมข้อความสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ช่วยสร้างสีสัน และความประทับใจให้เด็กๆ อย่างมาก นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มพันธมิตร ร่วมนำอาหาร ขนม เครื่องใช้ที่จำเป็น มาร่วมส่งมอบอีกมากมาย ได้แก่ โดนัทคริสปี้ครีม, นมตรามะลิ, ของเล่นจาก Play Mobi, ขนมกัมมี่ และลูกอม แบรนด์ Playmore, ถุงเท้านักเรียน Carson, ขนมจากยูโรเปี้ยน ฟู้ด, น้ำหวานจาก Lin, น้ำพริกเผาแม่ประนอม, น้ำปลาตราชูตราชั่ง, หน้ากากอนามัยและแอลกอฮอลล์ล้างมือจาก Double A

สำหรับโครงการ “Citizen of Love by Siam Piwat” กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของสยามพิวรรธน์ที่เดินหน้าสานต่อปณิธานการขับเคลื่อนธุรกิจที่เอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับผู้คน ชุมชนและสังคมมากว่า 64 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยการมอบโอกาส และสร้างความเท่าเทียมให้กับผู้คนทุกกลุ่มในสังคม อันจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศชาติสืบต่อไป